- ขนมหวาน ทำให้ลูกอิ่ม และปฏิเสธอาหารหลัก
- รสหวาน สร้างกลไกการเรียนรู้ไปสู่การเสพติด
- ก่อกำเนิด โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ไขมันพอกตับ
กลไกการอิ่ม ตามธรรมชาติเกิดเมื่อ อาหารเต็มกระเพาะ แต่ในบางกรณีอาหารเล็กน้อยก็ทำให้อิ่มได้หากเป็นอาหารที่มีรสหวาน เพราะเมื่อลูกกินขนมหวานมาก อินซูลินจะหลั่งเพื่อบอกสมองว่า “ร่างกายได้อาหารเพียงพอแล้วอิ่มได้แล้ว” ยิ่งอาหารหวาน-มัน ทำให้ไขมันในเลือดสูงฮอร์โมนเลปติน จากเซลล์ไขมันก็จะบอกสมองว่า “อิ่มได้แล้ว”กลไกนี้ ทำให้เด็กกินขนมหวานมากๆ ปฏิเสธอาหารหลัก แต่ความอันตรายที่ยิ่งกว่าก็คือ รสหวาน สร้างกลไกการเรียนรู้ทำให้ตัวรับที่เรียกว่า Opioid Receptors หรือตัวรับฝิ่นในสมองทำงาน เมื่อลูกกินอาหารหวาน สมองจะเรียนรู้ก่อกำเนิดความชื่นชอบ ยิ่งกิน-ยิ่งชอบ-ยิ่งชอบ-ยิ่งกิน การเสพติดอาหารหวาน-มัน จึงแก้ยากกลไกนี้รุนแรงกว่าความอิ่ม และเมื่อลูกโตขึ้น เขาจะกินมากขึ้นกินทั้งๆ ที่ไม่หิวอิ่มแล้วก็ยังหยุดไม่ได้
“จะใช้ชื่อไหน น้ำตาลสกัด ก็อันตรายไม่ต่างกัน”
น้ำตาลชนิดเดียวที่ปลอดภัย คือน้ำตาลที่มาพร้อมผลไม้เพราะน้ำตาลที่กินพร้อมผลไม้มีกากใยเป็นตัวแก้พิษ การสกัด น้ำผลไม้คั้น แยกกาก ล้วนไม่ดีกับสุขภาพทั้งน้ำตาลทราย และน้ำเชื่อมคอร์นไซรัป มีกลูโคส และฟรุคโตส ฟรุคโตส คือตัวปัญหา เพราะร่างกายใช้ไม่ได้มันจะส่งไปที่ตับ ตับจะเปลี่ยนฟรุคโตสให้เป็นไขมัน เกิดไขมันแทรกตับ เป็นตับอักเสบ ดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เป็นเบาหวานได้นอกจากนั้น น้ำตาลทุกชนิดยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคเชื้อร้ายไม่เป็นไร แต่มันฆ่าจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ขาดภูมิคุ้มกันเด็กเล็กอายต่ำกว่า 3 ขวบ เป็นวัยที่ต้องการพลังงาน พ่อ-แม่ไม่ควรเติมน้ำตาล ไม่ควรให้กินของหวาน แหล่งพลังงานที่ดีคือ ไขมันธรรมชาติถั่ว งา นัท ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว พลังงานจากแป้ง โดยเฉพาะธัญพืชที่ไม่ขัดสี
ปลูกฝังให้ลูกเรียนรู้และยอมรับในอาหารรสธรรมชาติเพราะอาหารช่วงแรกของวัย จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาได้ตลอดชีวิต
REF : นายแพทย์สันต์ใจยอดศิลป์