จุลินทรีย์ในร่างกายเรา มีอยู่ทุกพื้นที่ ตั้งแต่ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และพบมากที่สุดใน ระบบทางเดินทางอาหาร จุลินทรีย์ ต่างชนิดต่างสายพันธุ์ ล้วนมีผลต่อระบบการทำงานต่างกัน บางชนิดป้องกันจุลินทรีย์ก่อโรค บางชนิดช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ระบบการเผาผลาญ ระบบขับถ่าย และบางชนิดเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน .. การกินผักผลไม้หลากหลาย จะช่วยสร้างความหลากหลายให้จุลินทรีย์

จุลินทรีย์ทั้งหมดที่อยู่ในร่างกาย รวมเรียกว่า ไมโครไบโอต้า (Microbiota) ส่วนการศึกษายีนของจุลินทรีย์ทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายเรียกว่า ไมโครไบโอม (Microbiome)จุลินทรีย์ในร่างกายของเรา

ตั้งต้นตั้งแต่ในครรภ์ผ่านน้ำคร่ำ ไปจนถึงหลังคลอด ทารกที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติผ่านทางช่องคลอดจะได้รับกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนทารกผ่าคลอด จะได้รับกลุ่มจุลินทรีย์ที่พบได้บริเวณผิวหนัง นอกจากนี

เม็ดเลือดขาวยังนำจุลินทรีย์มาไว้ที่น้ำนมของแม่ ทารกที่กินนมแม่จะได้รับจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส ในขณะเดียวกัน ในน้ำนมแม่ก็ยังมี พรีไบโอติก (อาหารของจุลินทรีย์) ที่ชื่อโอลิโกแซคคาไรด์ ทำให้ลูกน้อยได้รับภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรกินผักผลไม้หลากหลาย เพื่อสร้างจุลินทรีย์ที่หลากหลายในลำไส้ให้ลูกน้อย เพราะอาหารช่วงแรกของวัย จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาได้ ตลอดชีวิต

กลไกการอิ่มตามธรรมชาติ เกิดเมื่อ อาหารเต็มกระเพาะ แต่ในบางกรณี อาหารเล็กน้อยก็ทำให้อิ่มได้ หากเป็นอาหารที่มีรสหวาน เพราะเมื่อลูกกินขนมหวานมาก อินซูลินจะหลั่งเพื่อบอกสมองว่า “ร่างกายได้อาหารเพียงพอแล้ว อิ่มได้แล้ว” ยิ่งอาหารหวาน-มัน ทำให้ไขมันในเลือดสูง ฮอร์โมนเลปติน จากเซลล์ไขมันก็จะบอกสมองว่า “อิ่มได้แล้ว” กลไกนี้ ทำให้เด็กกินขนมหวานมากๆ ปฏิเสธอาหารหลัก แต่ความอันตรายที่ยิ่งกว่าก็ คือ รสหวาน สร้างกลไกการเรียนรู้ ทำให้ตัวรับที่เรียกว่า Opioid Receptors หรือตัวรับฝิ่นในสมองทำงาน เมื่อลูกกินอาหารหวาน สมองจะเรียนรู้ ก่อกำเนิดความชื่นชอบ ยิ่งกิน-ยิ่งชอบ-ยิ่งชอบ-ยิ่งกิน การเสพติดอาหารหวาน-มัน จึงแก้ยากกลไกนี้ รุนแรงกว่าความอิ่ม และเมื่อลูกโตขึ้น เขาจะกินมากขึ้น กินทั้ง ๆ ที่ไม่หิว อิ่มแล้วก็ยังหยุดไม่ได้

จะใช้ชื่อไหน น้ำตาลสกัด ก็อันตรายไม่ต่างกัน

น้ำตาลชนิดเดียวที่ปลอดภัย คือน้ำตาลที่มาพร้อมผลไม้ เพราะน้ำตาลที่กินพร้อมผลไม้ มีกากใยเป็นตัวแก้พิษ การสกัดน้ำผลไม้ คั้น แยกกาก ล้วนไม่ดีกับสุขภาพ

ทั้งน้ำตาลทราย และน้ำเชื่อมคอร์นไซรัป มีกลูโคส และฟรุคโตส ฟรุคโตส คือตัวปัญหา เพราะร่างกายใช้ไม่ได้ มันจะส่งไปที่ตับ ตับจะเปลี่ยนฟรุคโตสให้เป็นไขมัน เกิดไขมันแทรกตับ เป็นตับอักเสบ ดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เป็นเบาหวานได้ นอกจากนั้น น้ำตาลทุกชนิดยังมีฤทธิ์ ฆ่าเชื้อโรค

เชื้อร้ายไม่เป็นไร แต่มันฆ่าจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ขาดภูมิคุ้มกัน

เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เป็นวัยที่ต้องการพลังงาน พ่อ-แม่ไม่ควรเติมน้ำตาล ไม่ควรให้กินของหวาน แหล่งพลังงานที่ดี คือ ไขมันธรรมชาติ ถั่ว งา นัท ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว

พลังงานจากแป้ง โดยเฉพาะธัญพืชที่ไม่ขัดสี ปลูกฝังให้ลูกเรียนรู้ และยอมรับในอาหารรสธรรมชาติ

เพราะอาหารช่วงแรกของวัย จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาได้ ตลอดชีวิต

เติมความสดชื่นให้กับวันสบายๆ ของคุณกับลูกน้อยด้วยสตรอเบอร์รี่สมูทตี้ เครื่องดื่มแสนอร่อยและมีประโยชน์ด้วยการผสมผสานความหวานและเปรี้ยวจากสตอเบอร์รี่และกล้วยหอมสุก ลูกน้อยของคุณจะเพลิดเพลินไปกับสมูทตี้แก้วนี้อย่างแน่นอน

สิ่งที่คุณต้องการ

วิธีการ

สตรอเบอร์รี่สมูทตี้ดีอย่างไร?

สตรอเบอร์รี่มีรสเปรี้ยวและอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กรดโฟลิคและวิตามินซี กล้วยหอมมีเส้นใยอาหารสูงและมีรสหวานที่เป็นลักษณะเฉพาะเหมาะสำหรับการ ทำเครื่องดื่มปั่น

มีวิตามิน A, B และ C รวมทั้งแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น แมกนีเซียมและโพแทสเซียม

หลังจากคุณได้ค้นคว้าและศึกษาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักแล้วและมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของคุณ คุณเริ่มอธิบายถึงแผนการที่คุณจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในการรับประทานอาหารมาเป็นแบบเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักแก่ทุกคนรวมถึงวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ลูกน้อยกลับเลือกรับประทานและไม่ต้องการที่จะกินผักผลไม้เพื่อสุขภาพเหล่านี้ นี่คือคำแนะนำจากเรา

หากเรามีเด็กเลือกรับประทานอยู่ในความดูแล ควรทำอย่างไรดี?

ปัญหาเรื่องลูกน้อยเลือกรับประทานเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข ถึงแม้ว่าการเลือกรับประทานจะไม่ใช่อาการเจ็บป่วยก็ตาม เพราะการขาดสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตนั้นส่งผลโดยตรงกับทั้งพัฒนาการทางด้านร่างกายและพัฒนาการในด้านการเรียนรู้ของลูกน้อย นอกจากนี้การลูกน้อยเลือกรับประทานยังทำให้พวกเขาอ่อนเพลียง่าย มีอารมณ์ฉุนเฉียวและอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องเป็นผู้กำหนดและคอยดูแลควบคุมโภชนาการอาหารทั้งหมดสำหรับลูกน้อยด้วยตนเอง อย่าปล่อยให้พวกเขาเลือกเองว่าจะรับประทานหรือไม่รับประทานอะไรเด็ดขาด!

สิ่งที่คุณสามารถทำได้หากลูกน้อยเลือกรับประทาน

เพื่อเปลี่ยนให้เด็กเลือกรับประทานยอมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งคุณได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเขาทั้งหมด

ความพยายามในการเปลี่ยนนิสัยเลือกรับประทานครั้งนี้ต้องสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่นอน หากคุณวางแผนไว้เป็นอย่างดี มีความรัก ความเข้าใจในเด็กเล็กและมีอาหารเน้นพืชที่ไม่ปรุงแต่งเป็นหลักที่ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. เคลลี่ ดอล์ฟแมน (วท.ม.) ผู้แต่งหนังสือ รักษาลูกน้อยด้วยอาหาร
  2. นพ. โจเอล เฟอร์แมน ผู้แต่งหนังสือ โรคที่พิสูจน์ได้ในเด็ก
  3. พญ. นาตาลี เกียรี และ ดร. ออซ การ์เซีย ผู้แต่งหนังสือ อาหารรักษาโรคสำหรับเด็ก

ประโยชน์มากมายจากพืชผักสีเขียว! ลูกแพร์ กีวี่ ผักโขม และถั่ว ส่วนผสมทั้งหมดนี้รวมอยู่ในซุปแสนอร่อยและให้สุขภาพที่ดีแก่ลูกน้อยของคุณ เติมความสดชื่นและสีเขียวสดใสให้ลูกน้อยของคุณสามารถเข้าถึงสิ่งต่างๆได้มากขึ้น!

สิ่งที่คุณต้องการ

วิธีการ

Green Goodness ดีอย่างไร?

ลูกแพร์อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตนิวเทรียนต์ และ วิตามินC และยังเป็นแหล่งรวมวิตามินK วิตามินB รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นอีกด้วย ผักโขมขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุสูง รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระด้วย ในขณะที่กีวี่เต็มไปด้วยวิตามิน E

สมูทตี้สีเขียวนี้เต็มไปด้วยคุณประโยชน์บำรุง!

การที่ลูกรับประทานอาหารซุปกระดูกหมูนั้น สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดโรคได้หรือไม่? การซื้อไอศกรีมให้ลูกรับประทานนั้น สามารถนำมาสู่โรคต่าง ๆ หรือไม่? การให้ลูกรับประทานไข่แดงสามารถนำมาถึงความเจ็บป่วยหรือไม่?

คุณได้ให้อาหารที่เป็นอันตรายแก่ลูก ๆ ของคุณโดยไม่รู้ตัว

อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมีอะไรบ้าง?

อาหารที่ดีต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างเราคืออาหารที่เหมาะสมกับร่างกายของมนุษย์ คืออาหารตามธรรมชาติ ส่วนอาหารที่ไม่เหมาะสำหรับมนุษย์นั้น(อาหารสังเคราะห์)ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย ดังนั้นเมื่อพวกเราเลือกที่จะเบี่ยงเบนแนวทางการรับประทานโดยเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ใช่อาหารจากตามแหล่งธรรมชาติของมนุษย์(อาหารสังเคราะห์) ผลเสียที่เกิดขึ้นคือการต้องล้มป่วยด้วยโรคร้ายที่ทำลายร่างกายของเรา

คำถามคือ แล้วธรรมชาติจัดสรรให้เรารับประทานอะไร? มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช อาหารที่มาจากธรรมชาติโดยเติบโตขึ้นมาจากพื้นดินและเติบโตตามธรรมชาติอย่างเช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชและเมล็ดพันธ์พืชคืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ แต่อาหารพวกไข่ไก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหลายล้วนมีส่วนประกอบของสารก่อมะเร็ง โลหะหนักอย่าง สารปรอท แคดเมียม ฮอร์โมนเทียมและสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม แม้ว่าคุณจะซื้อผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์มแบบออร์แกนิคมาก็ตาม อาหารเหล่านี้ยังคงประกอบด้วยสารอนุมูลอิสระ ไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลและสารก่อมะเร็งอื่น ๆ ที่พบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์อยู่ดี อาหารเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยโรคอักเสบในหู ภูมิแพ้และไข้หวัด ไม่เพียงเท่านี้ ยังนำไปสู่โรคเรื้องรังอื่น ๆ ในอนาคต ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้นที่เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่อาหารที่ผ่านขั้นตอนและกระบวนการในโรงงานอุตสาหกรรมหลายต่อหลายขั้นตอนซึ่งมีการใส่สารเคมีต่าง ๆ ลงในอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการเจ็บป่วยด้วย จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมคนหลายกลุ่มจากหลายประเทศทั่วโลกจึงเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับแนวทางการรับประทานอาหารเพื่อต้านโรคร้ายเหล่านี้กันมากขึ้น

สารปรุงแต่งรสชาติอย่างน้ำตาลและน้ำมันเองก็เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีแคลอรีสูงทำให้เด็กจำนวนมากป่วยต้องล้มป่วยด้วยโรคอ้วน การป่วยด้วยโรคอ้วนนั้นเป็นปัญหาที่เราพบเห็นได้ทั่วไปซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ ในอนาคต ไม่เพียงเท่านี้ น้ำตาลและอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากโรงงานอุตสาหกรรมนั้นยังทำให้ลูกน้อยของคุณมีร่างกายอ่อนแอ ล้มป่วยง่ายเพราะภูมิต้านทานต่ำอีกด้วย นี่หมายความว่าคุณต้องเก็บน้ำรสหวานและโคล่าให้พ้นมือเด็ก ๆ นอกจากนี้การกินเค็มมากเกินไปยังเป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย คุณคงเคยพบเห็นเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นรอบตัวทุกวัน ผู้ที่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์เป็นประจำ มักจะล้มป่วยบ่อยหรือมีโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น คุณจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ น้ำตาล เกลือ น้ำมันและโรคคร้าย ทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกัน

สารปรุงแต่งรสชาติอย่างน้ำตาลและน้ำมันเองก็เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีแคลอรีสูงทำให้เด็กจำนวนมากป่วยต้องล้มป่วยด้วยโรคอ้วน การป่วยด้วยโรคอ้วนนั้นเป็นปัญหาที่เราพบเห็นได้ทั่วไปซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ ในอนาคต ไม่เพียงเท่านี้ น้ำตาลและอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากโรงงานอุตสาหกรรมนั้นยังทำให้ลูกน้อยของคุณมีร่างกายอ่อนแอ ล้มป่วยง่ายเพราะภูมิต้านทานต่ำอีกด้วย นี่หมายความว่าคุณต้องเก็บน้ำรสหวานและโคล่าให้พ้นมือเด็ก ๆ นอกจากนี้การกินเค็มมากเกินไปยังเป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย คุณคงเคยพบเห็นเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นรอบตัวทุกวัน ผู้ที่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์เป็นประจำ มักจะล้มป่วยบ่อยหรือมีโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น คุณจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ น้ำตาล เกลือ น้ำมันและโรคคร้าย ทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกัน

แล้วคุณจะรับประทานอะไรถ้าคุณปฏิเสธเนื้อสัตว์ต่าง ๆ, ปลา, ไข่, นม, น้ำตาล, เกลือและน้ำมัน อ่าน คำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อศึกษาว่าอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณคืออะไร?

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. นพ. จอห์น แมคดูกัล ั
  2. นพ. โจเอล เฟอร์แมน ผู้แต่งหนังสือ โรคที่พิสูจน์ได้ในเด็ก

มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่า เด็กเจริญที่เติบโตด้วยการรับประทานอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จากสัตว์จะมีภูมิต้านทานโรคมากกว่าเด็กทั่วไป

มีสุขภาพแข็งแรงและไม่ล้มป่วยง่าย อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร?

โปรตีน

แท้จริงแล้วมีพืชผักหลายชนิดที่สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนได้ ซึ่งกรดอะมิโนนี้สามารถสร้างโปรตีนคุณภาพเยี่ยมได้ ยกตัวอย่างเช่นในบลอคโคลี่ 100 กรัมมีปริมาณโปรตีนมากกว่าโปรตีนในเนื้อ 100 กรัมเสียอีก ที่สำคัญในพืชผักใบเขียวและเมล็ดธัญพืชก็ประกอบไปด้วยโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว การรับประทานอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักซึ่งผ่านการจัดสรรอย่างเหมาะสมจะทำให้ร่างกายของคุณได้รับโปรตีนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายโดยไม่ต้องรับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย

แคลเซี่ยม

รู้หรือไม่? ร่างกายของสัตว์ไม่สามารถสร้างแคลเซียมได้ แน่นอนว่าในเนื้อสัตว์ เนื้อไก่และไข่ไม่มีสารอาหารประเภทแคลเซียมรวมอยู่เลยแต่พืชผักผลไม้นั้นได้ดูดซึมแคลเซียมมาจากพื้นดิน เพราะฉะนั้นพืชผักใบเขียว กล้วยและเมล็ดพันธ์พืชต่าง ๆ ต่างหากที่เปี่ยมไปด้วยแคลเซียม

ธาตุเหล็ก

โปรตีนที่อยู่ในน้ำนมวัวนั้นทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ซึ่งแตกต่างจากนมแม่ที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารที่รับประทานเข้าไปได้เป็นอย่างดี พืชผักอย่างมะเขือเทศ ผักใบเขียว ธัญพืชและเมล็ดพันธ์พืชต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ประกอบไปด้วยธาตุเหล็กในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ ส่วนธาตุเหล็กที่ได้รับผ่านผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามีส่วนผสมของสารอนุมูลอิสระที่อาจทำให้เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกได้

วิตามินดี

วิตามินดีนั้นร่างกายของเราสามารถสร้างขึ้นเองได้เมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสงแดด (โฟโตเคมี) เพียงแค่คุณออกไปรับแสงแดดยามเช้าชั่วระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายก็จะสามารถสร้างวิตามินดีขึ้นมาได้โดยไม่ต้องรับประทานอาหารใด ๆ เลย

วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 นั้นถูกสร้างขึ้นโดยแบคทีเรียที่อยู่ในดิน ถ้าหากเด็กได้รับประทานพืชผักออร์แกนิคที่ไม่ผ่านการชะล้างด้วยสารเคมีจากสวนพืชผักออร์แกนิค แบคทีเรียชนิดนี้ก็จะยังคงอยู่บนพืชผักและจะสร้างวิตามินบี 12 ที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายขึ้นในทางเดินอาหารของเรา อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ไม่สามารถจัดหาผักออร์แกนิคมารับประทานได้ แพทย์จะแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมเพื่อเติมวิตามินบี 12 ให้กับร่างกายทดแทน

ไขมันโอเมก้า 3

นพ. จอห์น แมคดูกัลยืนยันว่ามีเพียงพืชเท่านั้นที่สามารถสังเคราะห์กรดไขมันโอเมก้า 3 และไขมันโอเมก้า 6 ขึ้นมาได้ ปลาเพียงแค่เปลี่ยนสารอาหารเหล่านี้ให้เป็นกรดไขมันเช่นเดียวกับ EPA และ DHA มนุษย์เองก็สามารถสร้างกรดไขมันเหล่านี้ขึ้นมาได้เองภายในร่างกายเช่นกัน เช่นเดียวกับที่ปลาสร้างกรดไขมันเหล่านี้ขึ้นมาด้วยตัวมันเอง เราจึงไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานปลาเพื่อกรดไขมันที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ในร่างกาย นอกจากนี้การรับประทานปลายังทำให้ร่างกายได้รับสารเมไทโอนีน (สารก่อมะเร็ง) มีคอเลสเตอรอลสูงและยังเสี่ยงต่อสารปนเปื้อนจากโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย

แคลอรี่

อาหารประเภทแป้งอย่างธัญพืช มันฝรั่งให้พลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่วนอโวคาโด เมล็ดพันธุ์พืชและผลไม้อบแห้งให้แคลอรี่ที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกาย ที่สำคัญอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักเหล่านี้ยังช่วยให้ลูกของคุณอิ่มท้องอีกด้วย

อาหารที่มีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั้นล้วนแล้วแต่ให้แคลลอรี่สูง มีสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็ง มีไขมันอิ่มตัวสูงและไม่มีกากใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แตกต่างจากอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักที่มีสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพของบุตรหลานของท่าน

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. นพ. โจเอล เฟอร์แมน ผู้แต่งหนังสือ โรคที่พิสูจน์ได้ในเด็ก
  2. นพ. จอห์น แมคดูกัล ั

ลูกน้อยของคุณคือของขวัญที่มีค่าทีสุดในชีวิตของคนเป็นพ่อแม่เช่นคุณ คุณจึงอยากมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับเขาตั้งแต่แรกเกิด : และของขวัญนั้นคือสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน

โภชนาการในวัยเด็กจะส่งผลโดยตรงกับสุขภาพของคุณเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คุณคงไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยของคุณต้องล้มป่วยเพียงเพราะจัดการเรื่องโภชนาการอาหารได้ไม่ดีพอ

อุปนิสัยในการรับประทานสร้างได้ตั้งแต่วัยเยาว์:

ลองจินตนาการถึงเด็ก ๆ ที่เคยชินกับการรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยเกลือและน้ำตาลสิ, เราต่างรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ดีต่อพวกเขา

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยอาหารที่มีปริมาณเกลือต่ำจะทำให้เขาไม่อยากรับประทานรสเค็มจัดเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แน่นอนว่าสำหรับเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยอาหารที่มีปริมาณเกลือสูงก็จะยังคงเคยชินและติดการรับประทานเค็มเช่นนี้ไปตลอดชีวิตของพวกเขา

อุปนิสัยที่ไม่ดีในการรับประทานเกลือและน้ำตาลที่มากเกินไปนั้นจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับอนุญาติให้รับประทานสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ

ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บอาหารที่ไม่ต้องการให้เขารับประทานไว้ในบ้าน เพราะพวกเด็ก ๆ มีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าพวกเขาสามารถที่จะปฏิเสธการรับประทานอาหารที่คุณจัดเตรียมไว้ได้ด้วยความเกรี้ยวกราดและงอแงไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รับประทานอาหารที่เขาต้องการ

เด็ก ๆ ควรได้รับอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลัก (เพื่อให้พวกเขาได้รับคุณค่าจากพืชผักผลไม้ทั้งหมด) เป็นอาหารที่มีสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่เด็กต้องการในการเจริญเติบโตซึ่งอยู่ในผักผลไม้ต่าง ๆ ธัญพืชและเมล็ดพันธ์พืชในทุก ๆ วัน

แพทย์ยืนยันว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพนั้นคือการรับประทานอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักจะช่วยให้ลูกน้อยของคุณมีขีวิตที่มีความสุข เจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัยและมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

สร้างเสริมสุขภาพที่ดีด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อุปนิสัยในการรับประทานอาหารมีความสัมพันธ์กับสุขภาพโดยตรงของลูกน้อย สุขภาพของพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณป้อนให้รับประทาน ดังนั้นคุณต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า อาหารไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้ในการดับความหิวกระหายเท่านั้นแต่ยังเป็นแหล่งพลังงานและสารอาหารที่ร่างกายต้องการด้วย นี่คือเคล็ดลับบางส่วนที่จะจะทำให้ลูกน้อยของคุณมีความสุขไปกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ:

สร้างตารางเวลาสำหรับกิจวัตรประจำวันในแต่ละวันของเด็กๆ

สร้างตารางการรับประทานอาหารประจำวันที่จะทำให้ลูกน้อยมีวินัยและอุปสัยที่ดีในการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. เคลลี่ ดอล์ฟแมน (วท.ม.) ผู้แต่งหนังสือ รักษาลูกน้อยด้วยอาหาร
  2. นพ. มิลตัล อาร์ มิล ผู้อำนวยการสมาคมเวชศาสตร์ป้องกัน PCRM
  3. นพ. โจเอล เฟอร์แมน ผู้แต่งหนังสือ โรคที่พิสูจน์ได้ในเด็ก
  4. พญ. นาตาลี เกียรี และ ดร. ออซ การ์เซีย ผู้แต่งหนังสือ อาหารรักษาโรคสำหรับเด็ก

การรับประทานอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักและหลีกเลี่ยงส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์เพื่อการเจริญเติบโตที่แข็งแรงสมบูณ์ของลูกน้อยของคุณ

อาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและการเจริญเติบโตของลูกน้อยอย่างครบถ้วนแล้ว สำหรับคุณแม่ยุคใหม่การมีความรู้ความเข้าใจในการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อาหารก่อนจะตัดสินใจซื้อจะยิ่งช่วยให้ลูกน้อยของคุณได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพ

สิ่งที่คุณต้องมองหาบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร

ส่วนผสม:

ส่วนผสมและเครื่องปรุงของผลิตภัณฑ์จะถูกเรียงลำดับตามสัดส่วนจากมากไปน้อย คุณแม่ควรอ่านรายการส่วนผสมให้ครบทั้งหมดทุกรายการเพื่อให้มั่นใจว่าทุกส่วนผสมทำมาจากพืชทั้งหมดและควรตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของนมเนยหรือสารเคมีอื่น ๆ ปนเปื้อนมาหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตหลายรายที่ใส่ส่วนประกอบแยกย่อยหลายชนิดในอาหารเพื่อปรุงรสชาติของผลิตภัณฑ์ให้ถูกปากผู้บริโภค ซึ่งส่วนประกอบที่คุณต้องจับตาดูเป็นพิเศษได้แก่งจับตาดูเป็นพิเศษได้แก่

ปริมาณต่อหนึ่งหน่วยบริโภค:

อาจเป็นไปได้ว่าผู้ผลิตจงใจที่จะแสดงปริมาณหน่วยบริโภคหลายหน่วยสำหรับผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น เพื่อลดปริมาณส่วนประกอบที่ไม่มีประโยชน์ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคลง ดังนั้นคุณแม่จึงควรอ่านฉลากเกี่ยวกับปริมาณต่อหนึ่งหน่วยบริโภคและส่วนประกอบให้ละเอียดด้วย

เทคนิคในการประกอบอาหาร:

แนวทางการรับประทานอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักนั้น คือการเลือกรับประทานอาหารที่ผ่านขั้นตอนการแปรรูปมาน้อยที่สุด อย่างเช่นการอบแห้ง การดึงความชื้นออกจากวัตถุดิบ การบด การป่นให้เป็นผงหรือการแตกหน่อซึ่งเป็นประบวนการที่ถูกต้องและปลอดภัย อย่างไรก็ดีอย่าเชื่อข้อความบนฉลากที่เขียนว่า “ส่วนประกอบทำมาจากพืชทั้งหมด” จนกว่าจะเห็นตรารับรองบนผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “มีส่วนประกอบทำมาจากพืชทั้งหมด 100%”

กับดัก:

หากบนฉลากผลิตภัณฑ์ระบุว่า “ปราศจากไขมัน” ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการใส่น้ำตาลเป็นจำนวนมากเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ปราศจากไขมัน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุว่า “ปราศจากนมเนย” แต่ยังมีส่วนประกอบของนมเนยที่แตกออกมาและอยู่ในชื่อที่คุณไม่คุ้นเคยอย่าง สารเรนนิน เรนเนท กรดแลคติค แลคโตส โซเดียม เคซีนเนต แอลบูเมน เวย์โปรตีน เวย์ และ เคซีนผสมอยู่ก็เป็นได้

เงื่อนไขอื่น ๆ:

มองหาตราสัญลักษณ์ PBWF ที่ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์เน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลัก เพราะเมื่อคุณเห็นผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญชักษณ์นี้ คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์นี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณแน่นอน

อาหารที่คุณแม่รับประทานมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพราะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็ต้องการสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเช่นเดียวกับลูกน้อยที่ต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ช่วงเวลาตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพิจารณารูปแบบการดำเนินชีวิตของคุณอีกครั้งและเป็นช่วงเลือกพื้นฐานทางโภชนาการให้กับลูกน้อยของคุณ ดังนั้นแล้ว อะไรคือรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ดีที่สุดล่ะ? แพทย์ทั้งหลายแนะนำอาหารจากพืชทั้งส่วนเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์

การเลือกรับประทานอาหารจาก พืชทั้งส่วนด้วยตัวคุ เอง!

สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการเลิกดื่มนมวัว! แพทย์ต่างๆกล่าวว่ามันสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง

งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าคุณแม่ที่รับประทานผักในปริมาณมากในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองที่ยอดเยี่ยม

ลดอาหารแปรรูปและรับประทานอาหารจากพืชทั้งส่วนเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและลูกน้อย! ในช่วง 7 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาตัวอ่อนของเด็กทารกซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตของคุณและดำเนินต่อไปในช่วงเวลาตั้งครรภ์ ให้นมบุตรและอื่นๆเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของลูกน้อยของคุณ