กลไกการอิ่มตามธรรมชาติ เกิดเมื่อ อาหารเต็มกระเพาะ แต่ในบางกรณี อาหารเล็กน้อยก็ทำให้อิ่มได้ หากเป็นอาหารที่มีรสหวาน เพราะเมื่อลูกกินขนมหวานมาก อินซูลินจะหลั่งเพื่อบอกสมองว่า “ร่างกายได้อาหารเพียงพอแล้ว อิ่มได้แล้ว” ยิ่งอาหารหวาน-มัน ทำให้ไขมันในเลือดสูง ฮอร์โมนเลปติน จากเซลล์ไขมันก็จะบอกสมองว่า “อิ่มได้แล้ว” กลไกนี้ ทำให้เด็กกินขนมหวานมากๆ ปฏิเสธอาหารหลัก แต่ความอันตรายที่ยิ่งกว่าก็ คือ รสหวาน สร้างกลไกการเรียนรู้ ทำให้ตัวรับที่เรียกว่า Opioid Receptors หรือตัวรับฝิ่นในสมองทำงาน เมื่อลูกกินอาหารหวาน สมองจะเรียนรู้ ก่อกำเนิดความชื่นชอบ ยิ่งกิน-ยิ่งชอบ-ยิ่งชอบ-ยิ่งกิน การเสพติดอาหารหวาน-มัน จึงแก้ยากกลไกนี้ รุนแรงกว่าความอิ่ม และเมื่อลูกโตขึ้น เขาจะกินมากขึ้น กินทั้ง ๆ ที่ไม่หิว อิ่มแล้วก็ยังหยุดไม่ได้
น้ำตาลชนิดเดียวที่ปลอดภัย คือน้ำตาลที่มาพร้อมผลไม้ เพราะน้ำตาลที่กินพร้อมผลไม้ มีกากใยเป็นตัวแก้พิษ การสกัดน้ำผลไม้ คั้น แยกกาก ล้วนไม่ดีกับสุขภาพ
ทั้งน้ำตาลทราย และน้ำเชื่อมคอร์นไซรัป มีกลูโคส และฟรุคโตส ฟรุคโตส คือตัวปัญหา เพราะร่างกายใช้ไม่ได้ มันจะส่งไปที่ตับ ตับจะเปลี่ยนฟรุคโตสให้เป็นไขมัน เกิดไขมันแทรกตับ เป็นตับอักเสบ ดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เป็นเบาหวานได้ นอกจากนั้น น้ำตาลทุกชนิดยังมีฤทธิ์ ฆ่าเชื้อโรค
เชื้อร้ายไม่เป็นไร แต่มันฆ่าจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ขาดภูมิคุ้มกัน
เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เป็นวัยที่ต้องการพลังงาน พ่อ-แม่ไม่ควรเติมน้ำตาล ไม่ควรให้กินของหวาน แหล่งพลังงานที่ดี คือ ไขมันธรรมชาติ ถั่ว งา นัท ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว
พลังงานจากแป้ง โดยเฉพาะธัญพืชที่ไม่ขัดสี ปลูกฝังให้ลูกเรียนรู้ และยอมรับในอาหารรสธรรมชาติ
เพราะอาหารช่วงแรกของวัย จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาได้ ตลอดชีวิต
เติมความสดชื่นให้กับวันสบายๆ ของคุณกับลูกน้อยด้วยสตรอเบอร์รี่สมูทตี้ เครื่องดื่มแสนอร่อยและมีประโยชน์ด้วยการผสมผสานความหวานและเปรี้ยวจากสตอเบอร์รี่และกล้วยหอมสุก ลูกน้อยของคุณจะเพลิดเพลินไปกับสมูทตี้แก้วนี้อย่างแน่นอน
สตรอเบอร์รี่มีรสเปรี้ยวและอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กรดโฟลิคและวิตามินซี กล้วยหอมมีเส้นใยอาหารสูงและมีรสหวานที่เป็นลักษณะเฉพาะเหมาะสำหรับการ ทำเครื่องดื่มปั่น
มีวิตามิน A, B และ C รวมทั้งแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น แมกนีเซียมและโพแทสเซียม
หลังจากคุณได้ค้นคว้าและศึกษาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาหารเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักแล้วและมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของคุณ คุณเริ่มอธิบายถึงแผนการที่คุณจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในการรับประทานอาหารมาเป็นแบบเน้นพืชและไม่ปรุงแต่งเป็นหลักแก่ทุกคนรวมถึงวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ลูกน้อยกลับเลือกรับประทานและไม่ต้องการที่จะกินผักผลไม้เพื่อสุขภาพเหล่านี้ นี่คือคำแนะนำจากเรา
หากเรามีเด็กเลือกรับประทานอยู่ในความดูแล ควรทำอย่างไรดี?
ปัญหาเรื่องลูกน้อยเลือกรับประทานเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข ถึงแม้ว่าการเลือกรับประทานจะไม่ใช่อาการเจ็บป่วยก็ตาม เพราะการขาดสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตนั้นส่งผลโดยตรงกับทั้งพัฒนาการทางด้านร่างกายและพัฒนาการในด้านการเรียนรู้ของลูกน้อย นอกจากนี้การลูกน้อยเลือกรับประทานยังทำให้พวกเขาอ่อนเพลียง่าย มีอารมณ์ฉุนเฉียวและอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องเป็นผู้กำหนดและคอยดูแลควบคุมโภชนาการอาหารทั้งหมดสำหรับลูกน้อยด้วยตนเอง อย่าปล่อยให้พวกเขาเลือกเองว่าจะรับประทานหรือไม่รับประทานอะไรเด็ดขาด!
เพื่อเปลี่ยนให้เด็กเลือกรับประทานยอมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งคุณได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเขาทั้งหมด
ความพยายามในการเปลี่ยนนิสัยเลือกรับประทานครั้งนี้ต้องสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่นอน หากคุณวางแผนไว้เป็นอย่างดี มีความรัก ความเข้าใจในเด็กเล็กและมีอาหารเน้นพืชที่ไม่ปรุงแต่งเป็นหลักที่ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ประโยชน์มากมายจากพืชผักสีเขียว! ลูกแพร์ กีวี่ ผักโขม และถั่ว ส่วนผสมทั้งหมดนี้รวมอยู่ในซุปแสนอร่อยและให้สุขภาพที่ดีแก่ลูกน้อยของคุณ เติมความสดชื่นและสีเขียวสดใสให้ลูกน้อยของคุณสามารถเข้าถึงสิ่งต่างๆได้มากขึ้น!
ลูกแพร์อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตนิวเทรียนต์ และ วิตามินC และยังเป็นแหล่งรวมวิตามินK วิตามินB รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นอีกด้วย ผักโขมขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุสูง รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระด้วย ในขณะที่กีวี่เต็มไปด้วยวิตามิน E
สมูทตี้สีเขียวนี้เต็มไปด้วยคุณประโยชน์บำรุง!
คุณได้ให้อาหารที่เป็นอันตรายแก่ลูก ๆ ของคุณโดยไม่รู้ตัว
อาหารที่ดีต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างเราคืออาหารที่เหมาะสมกับร่างกายของมนุษย์ คืออาหารตามธรรมชาติ ส่วนอาหารที่ไม่เหมาะสำหรับมนุษย์นั้น(อาหารสังเคราะห์)ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย ดังนั้นเมื่อพวกเราเลือกที่จะเบี่ยงเบนแนวทางการรับประทานโดยเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ใช่อาหารจากตามแหล่งธรรมชาติของมนุษย์(อาหารสังเคราะห์) ผลเสียที่เกิดขึ้นคือการต้องล้มป่วยด้วยโรคร้ายที่ทำลายร่างกายของเรา
คำถามคือ แล้วธรรมชาติจัดสรรให้เรารับประทานอะไร? มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช อาหารที่มาจากธรรมชาติโดยเติบโตขึ้นมาจากพื้นดินและเติบโตตามธรรมชาติอย่างเช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชและเมล็ดพันธ์พืชคืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ แต่อาหารพวกไข่ไก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหลายล้วนมีส่วนประกอบของสารก่อมะเร็ง โลหะหนักอย่าง สารปรอท แคดเมียม ฮอร์โมนเทียมและสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม แม้ว่าคุณจะซื้อผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์มแบบออร์แกนิคมาก็ตาม อาหารเหล่านี้ยังคงประกอบด้วยสารอนุมูลอิสระ ไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอลและสารก่อมะเร็งอื่น ๆ ที่พบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์อยู่ดี อาหารเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยโรคอักเสบในหู ภูมิแพ้และไข้หวัด ไม่เพียงเท่านี้ ยังนำไปสู่โรคเรื้องรังอื่น ๆ ในอนาคต ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้นที่เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่อาหารที่ผ่านขั้นตอนและกระบวนการในโรงงานอุตสาหกรรมหลายต่อหลายขั้นตอนซึ่งมีการใส่สารเคมีต่าง ๆ ลงในอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการเจ็บป่วยด้วย จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมคนหลายกลุ่มจากหลายประเทศทั่วโลกจึงเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับแนวทางการรับประทานอาหารเพื่อต้านโรคร้ายเหล่านี้กันมากขึ้น
สารปรุงแต่งรสชาติอย่างน้ำตาลและน้ำมันเองก็เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีแคลอรีสูงทำให้เด็กจำนวนมากป่วยต้องล้มป่วยด้วยโรคอ้วน การป่วยด้วยโรคอ้วนนั้นเป็นปัญหาที่เราพบเห็นได้ทั่วไปซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ ในอนาคต ไม่เพียงเท่านี้ น้ำตาลและอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากโรงงานอุตสาหกรรมนั้นยังทำให้ลูกน้อยของคุณมีร่างกายอ่อนแอ ล้มป่วยง่ายเพราะภูมิต้านทานต่ำอีกด้วย นี่หมายความว่าคุณต้องเก็บน้ำรสหวานและโคล่าให้พ้นมือเด็ก ๆ นอกจากนี้การกินเค็มมากเกินไปยังเป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย คุณคงเคยพบเห็นเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นรอบตัวทุกวัน ผู้ที่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์เป็นประจำ มักจะล้มป่วยบ่อยหรือมีโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น คุณจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ น้ำตาล เกลือ น้ำมันและโรคคร้าย ทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกัน
สารปรุงแต่งรสชาติอย่างน้ำตาลและน้ำมันเองก็เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีแคลอรีสูงทำให้เด็กจำนวนมากป่วยต้องล้มป่วยด้วยโรคอ้วน การป่วยด้วยโรคอ้วนนั้นเป็นปัญหาที่เราพบเห็นได้ทั่วไปซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ ในอนาคต ไม่เพียงเท่านี้ น้ำตาลและอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากโรงงานอุตสาหกรรมนั้นยังทำให้ลูกน้อยของคุณมีร่างกายอ่อนแอ ล้มป่วยง่ายเพราะภูมิต้านทานต่ำอีกด้วย นี่หมายความว่าคุณต้องเก็บน้ำรสหวานและโคล่าให้พ้นมือเด็ก ๆ นอกจากนี้การกินเค็มมากเกินไปยังเป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย คุณคงเคยพบเห็นเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นรอบตัวทุกวัน ผู้ที่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์เป็นประจำ มักจะล้มป่วยบ่อยหรือมีโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น คุณจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ น้ำตาล เกลือ น้ำมันและโรคคร้าย ทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกัน
แล้วคุณจะรับประทานอะไรถ้าคุณปฏิเสธเนื้อสัตว์ต่าง ๆ, ปลา, ไข่, นม, น้ำตาล, เกลือและน้ำมัน อ่าน คำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อศึกษาว่าอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณคืออะไร?